
1. แนวคิด (Idea)
 
           หมายถึง จุดเด่น-
ความคิดสร้างสรรค์ย่อยอย่างหนึ่งในการสร้างเรื่อง
มักเป็นสิ่งแรกๆที่คนจะสังเกตและนึกถึงเวลาอ่านการ์ตูน ดูหนัง เช่น โดราเอมอนมีกระเป๋าวิเศษ
ใน Doraemon, การขอพรวิเศษได้ 1 ข้อจากการรวบรวมลูกแก้ววิเศษใน
Dragonball , ซาเอบะ
เรียวเป็นมือปืนที่ลามกมากซึ่งเกินระดับกว่าที่เราจะคุ้นเคยคนที่มีอาชีพนี้ ใน City
Hunter
 
           ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือว่าเงื่อนไขหลักในเรื่อง
ถือเป็นไอเดียได้หมดครับ
ซึ่งไอเดียของการ์ตูนนั้นเหตุที่สังเกตได้ง่ายเพราะการ์ตูนโดยส่วนใหญ่มีขนาดยาวกว่าภาพยนตร์
ไอเดียของการ์ตูนเรื่องนั้นจึงต้องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนคิดแล้วว่าโดดเด่นจริงๆ
จึงได้นำมาใช้ เพื่อตรึงคนอ่านให้ติดตามตลอดนั่นเอง
2. โครงเรื่อง (Plot)
 
           หมายถึง เช่น ฮันเตอร์x
ฮันเตอร์
เป็นเรื่องของกอร์นเด็กซึ่งเข้าไปพัวพันกับองค์กรว่าฮันเตอร์ซึ่งมีความซับซ้อนเพื่อตามหาพ่อ
โครงเรื่องโดยรวมของเรื่องจะเป็นการสู้เพื่อโดยไม่ละลดของตัวละครในแบบ
"สู้เพื่อฝัน" , GTO เรื่องของนักเลงคนหนึ่งที่กลายมาเป็นครูซึ่งได้ใช้วิธีสอนแบบตนเองแก้ไขปัญหาของนักเรียนทุกคน
ฯลฯ
 
           สังเกตได้ว่าพลอตสามารถซ้ำกันได้ขึ้นอยู่ว่าคุณจะเอาไปทำในลีลาแบบไหน
เช่น Onepiece ที่มีพล็อตคล้ายกับ Hunter x Hunter ในการตามหาเป้าหมายบางอย่าง แต่ลักษณะไอเดียในการต่อสู้ต่างๆ
และบรรยากาศในเรื่องถูกกำหนดขึ้นมาคนละแบบ
 
           ตัวอย่างการนึกถึงพลอตอย่างง่ายๆ
ก็คือเมื่ออ่านการ์ตูนเรื่องนั้นจนจบ ให้ลองเล่าเรื่องอย่างย่อๆ ภายในหนึ่งบรรทัด
นั่นแหละครับพลอต
 
           หนังบางเรื่องเหมือนไม่มีพลอต
เพราะอาศัยการนำเสนอแต่น้อย ราวกับไม่เน้นการเล่า
แต่อาศัยการใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ต่างๆ เพื่อสร้างความสมจริง
หรืออีกวิธีหนึ่งคือเล่าแบบไม่คำนึงถึงห้วงเวลา ปฏิเสธวิธีแบบตามลำดับที่คนคุ้นเคย
ซึ่งจัดเป็นวิธีการเล่าที่มีคนทำน้อย
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการ์ตูนขนาดยาวต้องเรียกว่าไม่มีคนทำ เพราะการตีพิมพ์ในลักษณะหนังสือเป็นส่วนผสมของสื่อชนิดนี้
ย่อมไม่ควรสร้างความสับสนให้คนดูที่ต้องอ่านหลายๆเล่ม
3. แก่น (Theme)
 
           หมายถึง
สาระสำคัญหลักของเรื่อง อันนี้ไม่ว่าหนังสือ, เพลง, หนัง, การ์ตูน ก็มีทั้งนั้น
การ์ตูนเรื่องหนึ่งอาจมีสาระหลากหลายมากมายในความบันเทิง
การที่มีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะทำเรื่องเครียด
แต่กลับเพิ่มเนื้อสารเข้าไป ทำให้การ์ตูนสนุกขึ้น ส่วนใหญ่ Theme จะมีลักษณะเหมือนข้อคิดสอนใจ หรืออีกกรณีอาจเป็นสิ่งที่เน้นในเรื่อง
(มักเป็นนามธรรม เช่น ความศรัทธา, คุณค่าของชีวิต, ธรรมชาติ, ความสูญเสีย, คุณค่าของเวลา)
แล้วให้คนไปคิดเองว่าควรจัดการกับมันอย่างไร
 
           ตัวอย่างของธีมในการ์ตูน
เช่น โดราเอมอน มีธีมเกี่ยวกับการแก้ไขข้อผิดพลาดในชีวิต
ซึ่งเรื่องแสดงให้เห็นว่าการที่โดเรมอนให้ของวิเศษโนบิตะ ไม่ได้ส่งผลดีเลย
นอกจากว่าโนบิตะจะพยายามซะเอง , One Piece ว่าด้วยความฝันที่ไม่ควรละทิ้ง
ซึ่งทำให้พวกเขาแต่ละคนที่มีความฝันต่างกันมาพบกัน รวมกัน และเกิดมิตรภาพ
กับการผจญภัยมากมาย ฯลฯ
 
           สรุปได้สั้นๆ Theme
ก็เหมือนประโยคหนึ่งๆ
คล้ายข้อคิดสอนใจซึ่งหนักแน่นเพียงพอที่จะใช้กับเรื่องๆหนึ่ง อาจเป็นสัจธรรมหรือไม่ก็ได้
(ซึ่งอาจจะตรงประเด็นชัดเจน หรือ
กำกวมชวนตีความก็แล้วแต่ว่าผู้เขียนอยากนำเสนอข้อคิดนั้นให้ออกมาแบบไหน)
 
           อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่ควรระมัดระวังก็คือ ขึ้นชื่อว่า Theme แล้ว
ก็ไม่แน่ว่าจะสร้างสรรค์อะไรดีๆให้สังคม การ์ตูนบางเรื่องมี Theme ที่เน้นปัจเจกชนเสียจนละเลยขนบธรรมเนียมและไม่สนใจสังคมรอบข้างเลยหรือแม้แต่กระทั่งเชิดชูคนโกงก็มีให้เห็นเหมือนกัน
คนอ่านจะต้องระวังบ้าง คนเขียนก็ต้องมีจรรยาบรรณด้วยเหมือนกัน
4. หลักการโดยรวม (Concept)
 
           หมายถึง
การปรุงแต่งเรื่องราวทั้งหมดว่าจะให้เป็นไปทางใด เช่น
การกำหนดแนวเรื่องเพื่อความเหมาะสมกับพลอต หรือเพื่อสร้างความแปลกใหม่
รวมไปถึงการสร้าง Frame หรือกรอบของเรื่องว่ามีเงื่อนไขต่างๆอย่างไร
เข้ากับเวลาและสถานที่ในเรื่องหรือไม่ เช่น ดรากอนบอล คือ การนำไซอิ๋ว
มาปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยด้วยสไตล์ที่เคลือบด้วยการ์ตูนตลก
แต่เร้าใจด้วยฉากแอ๊คชั่น โดยรวมแล้วเป็นงานแบบแอ๊คชั่น คอเมดี้
ในโลกแฟนตาซีที่กำหนดให้มีลักษณะแบบอนาคตและอดีตปนเปไป
ทั้งนี้เพื่อขับเน้นบรรยากาศของโลกของผู้ชายที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและต่อสู้ ,
หรือ โจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ ที่แต่ละภาค แต่ละเฟรมในเรื่องก็จะแตกต่างกันไปตามสถานที่,ยุคสมัย, โดยคงส่วนที่เป็นไอเดียสำคัญไว้คือ สแตนด์
(ยกเว้นภาค 1-2) หรือตัวแทนความสามารถพิเศษของแต่ละบุคคล
 
           กรณีการสร้าง Frame
นั้นอาจนำมาจากรายละเอียดในชีวิตจริง โดยดึงจากสังคม,วัฒนธรรมต่างๆ และนำมาประยุกต์เพื่อให้เข้ากับความเป็นการ์ตูนที่เราต้องการให้มากที่สุด
ถ้ายังไม่นึกไม่ออก ลองนึกถึงภาพยนตร์กันบ้างดีกว่า
เพราะการที่หนังแต่ละเรื่องใช้ผู้แสดงจริง
ถ่ายจากสถานทีจริงไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำเพื่อความสมจริงเสมอไป เช่น There's
Something About Mary ตัวเอกในเรื่องต้องเจ็บตัวปางตาย(ปนทะลึ่ง)ไม่ต่างจากการ์ตูน,
Bringing Out The Dead ที่ถ่ายทำเน้นความมืด แม้ในยามกลางวัน
และให้ภาพวูบวาบเกินจริงบ่อยครั้งเพื่อสะท้อนสภาพชีวิตบุรุษพยาบาลที่หมดศรัทธา
ซึ่งจะนำมาอธิบายอีกทีในส่วนของโครงสร้างของเรื่อง
 
           วิธีกำหนด Concept
ง่ายๆ นั้นใช้แนวเรื่องสำหรับวรรณกรรม ที่เรียกว่า Genre(ตระกูล หรือ ประเภท) เช่น Comedy (ซึ่งยังแบ่งย่อยออกได้เป็นอีก
เช่น ตลกเจ็บตัว,ตลกเสียดสี,ตลกร้าย,ตลกล้อเลียน), Action (เช่น ผจญภัย,เผชิญหายนะ), ไปจนถึง งานแนวสืบสวน(Suspense),เขย่าขวัญ(Thriller), สยองขวัญ(Horror), เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะผสมผสานหลายแนวทางไว้ด้วยกัน เช่น Rough เป็นหนังตลกที่เน้นเรื่องราวความรักระหว่างชาย -
หญิงที่ครอบครัวเป็นปฏิปักษ์ทางฝ่ายพ่อ หนังรักมันซ้อนแนวที่ว่าด้วยการเรียนรู้
ซึ่งก็คือ การเรียนรู้ซึ่งกันและกันของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงเรียนรู้ใจตนเอง
ในบรรยากาศแบบหนังวัยรุ่น เน้นไปที่เรื่องราวในโรงเรียนมากกว่าที่อื่น
นอกจากนี้ยังผสมกับแนวกีฬาเข้าไปด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น