วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

องค์ประกอบในการคิดเรื่อง

https://kruuthit.files.wordpress.com/2013/02/

1. แนวคิด (Idea)
             หมายถึง จุดเด่น- ความคิดสร้างสรรค์ย่อยอย่างหนึ่งในการสร้างเรื่อง มักเป็นสิ่งแรกๆที่คนจะสังเกตและนึกถึงเวลาอ่านการ์ตูน ดูหนัง เช่น โดราเอมอนมีกระเป๋าวิเศษ ใน Doraemon, การขอพรวิเศษได้ 1 ข้อจากการรวบรวมลูกแก้ววิเศษใน Dragonball , ซาเอบะ เรียวเป็นมือปืนที่ลามกมากซึ่งเกินระดับกว่าที่เราจะคุ้นเคยคนที่มีอาชีพนี้ ใน City Hunter
             ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือว่าเงื่อนไขหลักในเรื่อง ถือเป็นไอเดียได้หมดครับ ซึ่งไอเดียของการ์ตูนนั้นเหตุที่สังเกตได้ง่ายเพราะการ์ตูนโดยส่วนใหญ่มีขนาดยาวกว่าภาพยนตร์ ไอเดียของการ์ตูนเรื่องนั้นจึงต้องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนคิดแล้วว่าโดดเด่นจริงๆ จึงได้นำมาใช้ เพื่อตรึงคนอ่านให้ติดตามตลอดนั่นเอง

2. โครงเรื่อง (Plot)
             หมายถึง เช่น ฮันเตอร์x ฮันเตอร์ เป็นเรื่องของกอร์นเด็กซึ่งเข้าไปพัวพันกับองค์กรว่าฮันเตอร์ซึ่งมีความซับซ้อนเพื่อตามหาพ่อ โครงเรื่องโดยรวมของเรื่องจะเป็นการสู้เพื่อโดยไม่ละลดของตัวละครในแบบ "สู้เพื่อฝัน" , GTO เรื่องของนักเลงคนหนึ่งที่กลายมาเป็นครูซึ่งได้ใช้วิธีสอนแบบตนเองแก้ไขปัญหาของนักเรียนทุกคน ฯลฯ
             สังเกตได้ว่าพลอตสามารถซ้ำกันได้ขึ้นอยู่ว่าคุณจะเอาไปทำในลีลาแบบไหน เช่น Onepiece ที่มีพล็อตคล้ายกับ Hunter x Hunter ในการตามหาเป้าหมายบางอย่าง แต่ลักษณะไอเดียในการต่อสู้ต่างๆ และบรรยากาศในเรื่องถูกกำหนดขึ้นมาคนละแบบ
             ตัวอย่างการนึกถึงพลอตอย่างง่ายๆ ก็คือเมื่ออ่านการ์ตูนเรื่องนั้นจนจบ ให้ลองเล่าเรื่องอย่างย่อๆ ภายในหนึ่งบรรทัด นั่นแหละครับพลอต
             หนังบางเรื่องเหมือนไม่มีพลอต เพราะอาศัยการนำเสนอแต่น้อย ราวกับไม่เน้นการเล่า แต่อาศัยการใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ต่างๆ เพื่อสร้างความสมจริง หรืออีกวิธีหนึ่งคือเล่าแบบไม่คำนึงถึงห้วงเวลา ปฏิเสธวิธีแบบตามลำดับที่คนคุ้นเคย ซึ่งจัดเป็นวิธีการเล่าที่มีคนทำน้อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการ์ตูนขนาดยาวต้องเรียกว่าไม่มีคนทำ เพราะการตีพิมพ์ในลักษณะหนังสือเป็นส่วนผสมของสื่อชนิดนี้ ย่อมไม่ควรสร้างความสับสนให้คนดูที่ต้องอ่านหลายๆเล่ม

3. แก่น (Theme)
             หมายถึง สาระสำคัญหลักของเรื่อง อันนี้ไม่ว่าหนังสือ, เพลง, หนัง, การ์ตูน ก็มีทั้งนั้น การ์ตูนเรื่องหนึ่งอาจมีสาระหลากหลายมากมายในความบันเทิง การที่มีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะทำเรื่องเครียด แต่กลับเพิ่มเนื้อสารเข้าไป ทำให้การ์ตูนสนุกขึ้น ส่วนใหญ่ Theme จะมีลักษณะเหมือนข้อคิดสอนใจ หรืออีกกรณีอาจเป็นสิ่งที่เน้นในเรื่อง (มักเป็นนามธรรม เช่น ความศรัทธา, คุณค่าของชีวิต, ธรรมชาติ, ความสูญเสีย, คุณค่าของเวลา) แล้วให้คนไปคิดเองว่าควรจัดการกับมันอย่างไร
             ตัวอย่างของธีมในการ์ตูน เช่น โดราเอมอน มีธีมเกี่ยวกับการแก้ไขข้อผิดพลาดในชีวิต ซึ่งเรื่องแสดงให้เห็นว่าการที่โดเรมอนให้ของวิเศษโนบิตะ ไม่ได้ส่งผลดีเลย นอกจากว่าโนบิตะจะพยายามซะเอง , One Piece ว่าด้วยความฝันที่ไม่ควรละทิ้ง ซึ่งทำให้พวกเขาแต่ละคนที่มีความฝันต่างกันมาพบกัน รวมกัน และเกิดมิตรภาพ กับการผจญภัยมากมาย ฯลฯ
             สรุปได้สั้นๆ Theme ก็เหมือนประโยคหนึ่งๆ คล้ายข้อคิดสอนใจซึ่งหนักแน่นเพียงพอที่จะใช้กับเรื่องๆหนึ่ง อาจเป็นสัจธรรมหรือไม่ก็ได้ (ซึ่งอาจจะตรงประเด็นชัดเจน หรือ กำกวมชวนตีความก็แล้วแต่ว่าผู้เขียนอยากนำเสนอข้อคิดนั้นให้ออกมาแบบไหน)
             อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรระมัดระวังก็คือ ขึ้นชื่อว่า Theme แล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะสร้างสรรค์อะไรดีๆให้สังคม การ์ตูนบางเรื่องมี Theme ที่เน้นปัจเจกชนเสียจนละเลยขนบธรรมเนียมและไม่สนใจสังคมรอบข้างเลยหรือแม้แต่กระทั่งเชิดชูคนโกงก็มีให้เห็นเหมือนกัน คนอ่านจะต้องระวังบ้าง คนเขียนก็ต้องมีจรรยาบรรณด้วยเหมือนกัน

4. หลักการโดยรวม (Concept)
             หมายถึง การปรุงแต่งเรื่องราวทั้งหมดว่าจะให้เป็นไปทางใด เช่น การกำหนดแนวเรื่องเพื่อความเหมาะสมกับพลอต หรือเพื่อสร้างความแปลกใหม่ รวมไปถึงการสร้าง Frame หรือกรอบของเรื่องว่ามีเงื่อนไขต่างๆอย่างไร เข้ากับเวลาและสถานที่ในเรื่องหรือไม่ เช่น ดรากอนบอล คือ การนำไซอิ๋ว มาปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยด้วยสไตล์ที่เคลือบด้วยการ์ตูนตลก แต่เร้าใจด้วยฉากแอ๊คชั่น โดยรวมแล้วเป็นงานแบบแอ๊คชั่น คอเมดี้ ในโลกแฟนตาซีที่กำหนดให้มีลักษณะแบบอนาคตและอดีตปนเปไป ทั้งนี้เพื่อขับเน้นบรรยากาศของโลกของผู้ชายที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและต่อสู้ , หรือ โจโจ้ล่าข้ามศตวรรษ ที่แต่ละภาค แต่ละเฟรมในเรื่องก็จะแตกต่างกันไปตามสถานที่,ยุคสมัย, โดยคงส่วนที่เป็นไอเดียสำคัญไว้คือ สแตนด์ (ยกเว้นภาค 1-2) หรือตัวแทนความสามารถพิเศษของแต่ละบุคคล
             กรณีการสร้าง Frame นั้นอาจนำมาจากรายละเอียดในชีวิตจริง โดยดึงจากสังคม,วัฒนธรรมต่างๆ และนำมาประยุกต์เพื่อให้เข้ากับความเป็นการ์ตูนที่เราต้องการให้มากที่สุด ถ้ายังไม่นึกไม่ออก ลองนึกถึงภาพยนตร์กันบ้างดีกว่า เพราะการที่หนังแต่ละเรื่องใช้ผู้แสดงจริง ถ่ายจากสถานทีจริงไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำเพื่อความสมจริงเสมอไป เช่น There's Something About Mary ตัวเอกในเรื่องต้องเจ็บตัวปางตาย(ปนทะลึ่ง)ไม่ต่างจากการ์ตูน, Bringing Out The Dead ที่ถ่ายทำเน้นความมืด แม้ในยามกลางวัน และให้ภาพวูบวาบเกินจริงบ่อยครั้งเพื่อสะท้อนสภาพชีวิตบุรุษพยาบาลที่หมดศรัทธา ซึ่งจะนำมาอธิบายอีกทีในส่วนของโครงสร้างของเรื่อง

             วิธีกำหนด Concept ง่ายๆ นั้นใช้แนวเรื่องสำหรับวรรณกรรม ที่เรียกว่า Genre(ตระกูล หรือ ประเภท) เช่น Comedy (ซึ่งยังแบ่งย่อยออกได้เป็นอีก เช่น ตลกเจ็บตัว,ตลกเสียดสี,ตลกร้าย,ตลกล้อเลียน), Action (เช่น ผจญภัย,เผชิญหายนะ), ไปจนถึง งานแนวสืบสวน(Suspense),เขย่าขวัญ(Thriller), สยองขวัญ(Horror), เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มักจะผสมผสานหลายแนวทางไว้ด้วยกัน เช่น Rough เป็นหนังตลกที่เน้นเรื่องราวความรักระหว่างชาย - หญิงที่ครอบครัวเป็นปฏิปักษ์ทางฝ่ายพ่อ หนังรักมันซ้อนแนวที่ว่าด้วยการเรียนรู้ ซึ่งก็คือ การเรียนรู้ซึ่งกันและกันของทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงเรียนรู้ใจตนเอง ในบรรยากาศแบบหนังวัยรุ่น เน้นไปที่เรื่องราวในโรงเรียนมากกว่าที่อื่น นอกจากนี้ยังผสมกับแนวกีฬาเข้าไปด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น